Individual Investors

  • Posted by:

    ThaiBMA
  • Posted on:

    Jul 29, 2015
ตราสารหนี้ภาคเอกชนไทยกับการเติบโตอย่างมั่นคง ตอนที่ 2

กลุ่มไหนน่าจับตา ?

หากมองที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตในตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน พลังงานคือกลุ่มที่มีการเติบโตครองตลาดมานับสิบปี นำโดยกลุ่ม ปตท. ขณะที่กลุ่มที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ คือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และรับเหมาก่อสร้าง ที่มีมูลค่าคงค้างเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งมาจากการขยายตัวเพื่อรองรับนโยบายของภาครัฐในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในประเทศ และถ้าแผนงบประมาณเบิกจ่ายของรัฐเป็นไปตามแผน กลุ่มคมนาคมขนส่งก็เป็นอีกกลุ่มที่น่าจับตามองเพิ่มว่าอาจจะมีการเติบโตเช่นกัน

เติบโตเร็วกว่า “GDP”

ในส่วนของภาพรวมจีดีพีไทยปี 2014 จะเห็นว่ามีการเติบโตเพียงแค่ 1.84% (ใช้การคำนวน GDP แบบใหม่) แต่มูลค่าตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนโดยรวมกลับโตถึง 17.16% จะเห็นว่าเติบโตมากกว่า GDP ถึงกว่า 9 เท่า แสดงให้เห็นถึงการตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการระดมทุนผ่านตราสารหนี้มากขึ้นในภาคธุรกิจ โดยในปี 2014 ที่ผ่านมา สัดส่วนตราสารหนี้ภาคเอกชนต่อ GDP เท่ากับ 16.81% เติบโตจากปี 2006 ที่มีสัดส่วนเพียงแค่ 9.94 % ต่อ GDP

กู้ธนาคาร vs. ออกตราสารหนี้

จากสัดส่วนหนี้สินของภาคธุรกิจ จะเห็นว่าการกู้ยืมผ่านธนาคารยังคงเป็นช่องทางหลักในการระดมทุน แต่เริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลง ขณะที่ตราสารหนี้ภาคเอกชนทั้งระยะยาวและระยะสั้นเริ่มจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว นั่นหมายความว่าบริษัทเอกชนต่างๆ ในไทยกำลังหันไปให้ความสนใจในการออกตราสารหนี้กันมากขึ้น

ถูกกว่ากู้ธนาคาร

เมื่อเปรียบทียบต้นทุนการกู้เงินธนาคารกับต้นทุนดอกเบี้ยจากการออกตราสารหนี้นั้น ต้นทุนการจ่ายดอกเบี้ยของการออกตราสารหนี้ต่ำกว่าการกู้เงินธนาคารอย่างชัดเจน แม้ว่าผู้ออกจะมีเรตติ้งในระดับล่างสุดของ Investment Grade (BBB) ก็ยังมีส่วนต่างที่ประหยัดได้โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 2% ด้วยเหตุนี้บริษัทต่างๆ จึงนิยมหันมาออกตราสารหนี้เพิ่มขึ้นแทนการกู้เงินธนาคาร

สรุป

จากที่กล่าวไปทั้งหมดจะเห็นได้ว่าอนาคตของตลาดตราสารหนี้นั้นยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก ซึ่งเอื้อประโยชน์กับทั้งผู้ที่ต้องการออมเงินและผู้กู้เงิน เมื่อบริษัทต่างๆ หันมาใช้ตราสารหนี้กันมากขึ้นก็จะช่วยประหยัดต้นทุนทางการเงินและนำไปสู่ผลกำไรของบริษัทที่เพิ่มขึ้น ในส่วนของนักลงทุนที่เปลี่ยนจากการฝากเงินมาเป็นการลงทุนในตราสารหนี้เองก็จะได้ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ตลาดตราสารหนี้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน GDP ของประเทศเนื่องจากเป็นแหล่งเงินทุนที่สามารถเชื่อมโยงทั้งผู้ต้องการลงทุนและผู้ต้องการเงินทุน สุดท้ายก็อยากจะฝากตราสารหนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุนที่น่าสนใจ ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและสูงกว่าการฝากธนาคาร ทั้งนี้ต้องศึกษาข้อมูลและความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้ก่อนตัดสินใจลงทุนด้วยนะครับ

All Blogs