Individual Investors

  • Posted by:

    ThaiBMA
  • Posted on:

    September 01, 2017
“สั้น” หรือ “ยาว” อะไรเร้าใจกว่ากัน (ตอนที่ 1)

“ลงทุนยาวดีกว่าได้ดอกเบี้ยสูงกว่า แต่...มันก็เสี่ยงสูงกว่านะ อีก 5 ปี บริษัทจะยังอยู่ไหมน้า หรือลงทุนสั้นดีกว่า ปลอดภัย แต่ดอกเบี้ยก็ต่ำเหลือใจ” หลายคนอาจเกิดความลังเล คิดกลับไปกลับมา ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะลงทุนยาวหรือสั้นดีกว่ากัน ดอกเบี้ยสูงๆ ก็อยากจะได้ แต่ลงทุนยาวๆ ก็กลัวผู้ออกจะอยู่ไม่ถึงวันใช้หนี้คืน จะเอาอย่างไรดี “สั้น” หรือ “ยาว” ดีน้า

จริงๆ แล้วการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น หรือระยะยาว ไม่ได้มีกำหนดระยะเวลาที่เป็นมาตรฐานสากลว่านานแค่ไหนคือระยะสั้น หรือระยะยาว ตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานกลต. จะถือว่าตราสารหนี้ภาคเอกชนอายุมากกว่า 270 วันขึ้นไปเป็นตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว ซึ่งต่างจากตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธปท. และพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ที่กำหนดว่าหากอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไปจะถือเป็นตราสารหนี้ระยะยาว ดังนั้นหากกล่าวถึงการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น โดยทั่วไปจะเป็นที่เข้าใจว่าหมายถึงลงทุนในตราสารหนี้ที่อายุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ปี (≤1ปี) ส่วนที่อายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป (>1ปี) จะถือเป็นการลงทุนระยะยาว และเนื่องจากตราสารหนี้จะมีการกำหนดอายุและวันครบกำหนดอย่างแน่นอน ภายหลังจากที่ออกตราสารหนี้มาแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป ตราสารหนี้จะมีอายุคงเหลือน้อยลงเรื่อยๆ จากที่เคยเป็นตราสารหนี้ระยะยาวเมื่อตอนที่ออก ก็จะกลายเป็นตราสารหนี้ระยะสั้น ที่มีอายุคงเหลือน้อยลงๆ จนครบกำหนดและถูกไถ่ถอนไป ลักษณะดังกล่าวถือเป็นลักษณะเฉพาะที่สำคัญที่ทำให้ตราสารหนี้แตกต่างจากหุ้นในหลายๆ มิติ เช่น

- หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดไม่เปลี่ยนแปลงไป ราคาของตราสารหนี้จะปรับตัวเข้าสู่ราคาพาร์เรื่อยๆ ตามอายุคงเหลือที่น้อยลง

- ราคาของตราสารหนี้จะเปลี่ยนแปลงในขนาดไม่เท่ากันหากอายุคงเหลือต่างกัน

- เนื่องจากตราสารหนี้มีหมดอายุ จึงต้องมีการออกตราสารหนี้ใหม่เสมอหากผู้ออกยังต้องการเงินทุนไปใช้ในการลงทุน การออกตราสารหนี้ในตลาดแรกก็เปรียบได้กับ IPO ของหุ้น แต่หุ้นไม่มีกำหนดอายุจึงไม่จำเป็นต้องออก IPO ใหม่อยู่เรื่อยๆ เพื่อทดแทนของเก่าที่ครบกำหนดอายุ ดังนั้น ตลาดแรกตราสารหนี้ภาคเอกชนจึงมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับตลาดรองและตลาดแรกของหุ้นจึงเล็กเมื่อเทียบกับตลาดรองตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นจึงมีลักษณะที่แตกต่างกัน โดยธุรกรรมส่วนใหญ่ของตราสารหนี้จะเกิดขึ้นในตลาดแรก ส่วนธุรกรรมส่วนใหญ่ของหุ้นจะเกิดขึ้นในตลาดรอง

ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ระยะสั้นหรือระยะยาวต่างก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่ไม่เหมือนกัน จะลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นหรือระยะยาวก็เร้าใจได้ไม่ต่างกันหากเลือกลงทุนในระยะเวลาที่เหมาะสมกับเงื่อนไขและความต้องการของเรา

ครั้งหน้าเรามาติดตามกันต่อกับข้อดีและข้อด้อยของการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น และระยะยาว

All Blogs