หลายปีที่ผ่านมา ตลาดตราสารหนี้ไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ นักลงทุนจึงหันเข้าหาสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เช่น หุ้นกู้ ทำให้ตลาดตราสารหนี้ไทยอยู่ในภาวะที่ความต้องการลงทุนในตราสารหนี้สูงกว่าปริมาณตราสารหนี้ที่มีให้ลงทุน หรือ Demand over Supply อยู่ราว 4 แสนล้านบาทจากการประมาณการของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย

ภาวะ Demand over Supply ซึ่งเอื้อต่อการออกหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนไทย ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีผู้ออกหน้าใหม่ (Newcomers) ในตลาดตราสารหนี้ไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงสิ้นปี 2561 มีบริษัทเอกชนที่เคยออกหุ้นกู้รวมแล้วกว่า 386 บริษัท ซึ่งผู้ออกเหล่านี้มีทั้งที่จดทะเบียนและไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และตลาด MAI รวมถึงมีมูลค่าการออก (Issue size) ที่หลากหลายตั้งแต่หลักร้อยล้านบาทไปจนถึงหมื่นล้านบาท

ณ สิ้นปี 2561 มีผู้ออกหุ้นกู้รวมแล้วทั้งหมด 386 ราย เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 197 ราย และไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 189 ราย และในจำนวนผู้ออกที่เป็นบริษัทจดทะเบียน ก็มีขนาดบริษัทไล่เรียงกันไปตั้งแต่ขนาดใหญ่ไปจนขนาดเล็กที่อยู่ใน SET 100 จำนวน 65 บริษัทและนอกเหนือจาก SET 100 จำนวน 107 บริษัท และผู้ออกที่อยู่ในตลาด MAI จำนวน 25 บริษัท ในจำนวนผู้ออกเหล่านี้มีเพียง 2 กลุ่มอุตสาหกรรม (Sector) เท่านั้นที่ยังไม่เคยออกหุ้นกู้ นั่นคือ กลุ่มของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ และกลุ่มบรรจุ-ภัณฑ์

อีกแง่หนึ่งของสถิติการออกที่สำคัญ จากข้อมูลการออกระหว่างปี 2557-2561 ของผู้ออกทั้ง 386 รายนี้ พบว่า ผู้ออกที่มีการออกหุ้นกู้ซ้ำ หรือออกหุ้นกู้ตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไปในรอบ 5 ปีนี้คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 84% นั่นหมายความว่าเมื่อบริษัทเริ่มเข้ามาระดมทุนด้วยหุ้นกู้แล้ว ผู้ออกกว่า 84 รายใน 100 รายจะมีการออกหุ้นกู้ซ้ำ ซึ่งสามารถสะท้อนได้ถึงประโยชน์ในหลายๆ ด้านที่ผู้ออกน่าจะได้รับจากการระดมทุนผ่านตราสารหนี้

สำหรับบริษัทเอกชนไทยที่ยังไม่เคยออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว หรือ หุ้นกู้ แต่มีความสนใจสามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้จากสถาบันการเงินที่ท่านใช้บริการ ทั้งนี้ หัวใจสำคัญของการออกหุ้นกู้ให้ประสบความสำเร็จอยู่ที่ความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้ออก เพราะตลาดนี้เป็นตลาดที่ตั้งอยู่บนความน่าเชื่อถือ (Credit market) นั่นเอง