• Posted by:

    ThaiBMA
  • Posted on:

    OCT. 1, 2024
30 ปี ThaiBMA เส้นทางการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทย

1 พฤศจิกายน 2567 จะเป็นวันที่สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (Thai Bond Market Association: ThaiBMA) เปิดดำเนินการมาครบ 30 ปี จากจุดเริ่มต้นในนามของ “ชมรมผู้ค้าตราสารหนี้” และต่อมาปรับเปลี่ยนสถานะเป็น “ศูนย์ซื้อขายตราสารหนี้ไทย” และปรับสถานะอีกครั้งจนเป็น“สมาคมตลาด ตราสารหนี้ไทย” ในปัจจุบัน

จากความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ที่เล็งเห็นถึงความจำเป็นของตลาดตราสารหนี้เพื่อเป็นแหล่งการระดมทุนนอกเหนือไปจากการกู้เงินธนาคารและการระดมทุนในตลาดหุ้น ซึ่งช่วยสนับสนุน ให้ระบบการเงินไทยเกิดความสมดุล “ชมรมผู้ค้าตราสารหนี้ (Bond Dealers Club: BDC)” จึงได้ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2537 เพื่อเป็นแกนนำในการพัฒนาตลาดรองตราสารหนี้ โดยได้มีการเปิดให้บริการระบบการซื้อขายตราสารหนี้ทางอิเล็กทรอนิกส์ (BONDNET) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้อขายตราสารหนี้โดยมีลักษณะเป็นการเสนอซื้อขายแบบไม่เปิดเผยชื่อคู่ค้า (Blind dealing)

ต่อมาทางการได้ผลักดันให้ BDC ปรับโครงสร้างองค์กรเป็น “ศูนย์ซื้อขายตราสารหนี้ไทย (Thai Bond Dealing Center: ThaiBDC)” ในปี 2541 เพื่อรองรับการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากนั้นในปี 2548 คณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติให้ ThaiBDC ขยายบทบาทหน้าที่และปรับสถานะองค์กรเป็น “สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (Thai Bond Market Association: ThaiBMA)” เพื่อมุ่งเน้นการทำหน้าที่การเป็นองค์กรกำกับดูแลสมาชิก และการเป็นศูนย์กลางข้อมูลตราสารหนี้ รวมถึงขยายไปสู่การทำหน้าที่เผยแพร่ราคาอ้างอิงในตลาดตราสารหนี้

ในช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ThaiBMA ได้ร่วมเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทยผ่านการทำหน้าที่ในบทบาทหลัก 5 ด้าน ได้แก่ การเป็นองค์กรกำกับดูแลสมาชิกที่เป็นผู้ค้าตราสารหนี้ (Self-Regulatory Organization: SRO) การเป็นศูนย์กลางข้อมูลในตลาดตราสารหนี้ การทำหน้าที่เผยแพร่ราคายุติธรรม (Bond pricing agency) การเป็นแกนกลางในการผลักดันการพัฒนาตลาด ตราสารหนี้ในด้านต่างๆ ตลอดจนการทำหน้าที่สมาคมโดยเป็นตัวแทนของสมาชิกเพื่อสะท้อนความคิดเห็นต่อประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาธุรกิจของสมาชิกและผู้ร่วมตลาด

แม้จะมีวิกฤตการณ์ทางการเงินและสถานการณ์ความไม่แน่นอนต่างๆ เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ตลาดตราสารหนี้ไทยยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและสามารถทำหน้าที่เป็นหนึ่งในแหล่งระดมทุน ที่สำคัญให้กับทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้เป็นอย่างดี ซึ่งเห็นได้จาก


• มูลค่าคงค้างตราสารหนี้ไทยเพียง 339,000 ล้านบาท คิดเป็น 9.3% ต่อ GDP เมื่อปี 2537 สู่มูลค่าสูงถึง 17 ล้านล้านบาท คิดเป็น 95% ต่อ GDP ในปัจจุบัน (มิถุนายน 2567)
• มูลค่าการออกหุ้นกู้เพียงหลักหมื่นล้านบาทต่อปีในปี 2537 สู่มูลค่าการออกหุ้นกู้ 1 ล้านล้านบาทต่อปีในปัจจุบัน (มิถุนายน 2567)
• มูลค่าธุรกรรมซื้อขายตราสารหนี้ในวันแรกที่จัดตั้งในปี 2537 เพียง 1 ล้านบาท สู่มูลค่า การซื้อขายเฉลี่ยต่อวันกว่า 6.5 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน (มิถุนายน 2567)
• จำนวนบริษัทที่เคยออกหุ้นกู้เพียง 20 บริษัทในปี 2537 สู่ 653 บริษัท ครอบคลุมเกือบ 30 กลุ่มอุตสาหกรรม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567
• สัดส่วนหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศของรัฐบาลจากที่เคยสูงถึงร้อยละ 85.3 เมื่อปี 2540 เหลือเพียงร้อยละ 0.98 ณ สิ้นพฤษภาคม 2567

ThaiBMA จะก้าวต่อไปสู่การขับเคลื่อนตลาดตราสารหนี้ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งพัฒนาความยั่งยืนให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ในกลุ่มความยั่งยืน การเสริมสร้างคุณภาพของผู้ระดมทุนและตัวกลางในตลาดตราสารหนี้ การปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุน ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียให้ได้รับความเป็นธรรมโดยมีกลไกการกำกับดูแลที่เหมาะสม

ในช่วงเวลาที่น่าจดจำนี้ ThaiBMA จะได้มีจัดกิจกรรมงานสัมมนาเชิงวิชาการ 30 years of ThaiBMA: A Journey towards a fair and efficient bond market ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ที่จะถึงนี้ พร้อมกับจัดทำหนังสืออนุสรณ์ 30 ปี เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์พัฒนาการและการเติบโตของตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา เส้นทางความเป็นมาก่อนจะเป็นสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ตลอดจนบทสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องที่ได้มีบทบาทในการร่วมส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ของประเทศไทย

• หนังสืออนุสรณ์ 30 ปี สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ภาษาไทย

• หนังสืออนุสรณ์ 30 ปี สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ภาษาอังกฤษ

All Blogs