Bond Blogs Posted by:ThaiBMA Posted on:Dec. 7, 2023 Share this post with สาระสำคัญจากงานสัมมนา “Enable ESG Bond Issuance: Global Dynamic & Thailand Framework Development” เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ร่วมกับกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) จัดงานสัมมนา “Enable ESG Bond Issuance: Global Dynamic & Thailand Framework Development” โดยงานสัมมนาได้รับความสนใจจากผู้แทนจากองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมงาน ณ สถานที่จัดงานและผ่านออนไลน์รวมกว่า 300 ท่าน ซึ่งสาระสำคัญจากงานสัมมนาสามารถสรุปได้ 3 ส่วนด้วยกัน ส่วนที่หนึ่ง: ความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ Global Dynamic ที่มีผลกระทบต่อการดำเนินการด้านความยั่งยืนของประเทศไทย โดย ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ได้กล่าวถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนควรครอบคลุม E: Environment สภาพแวดล้อม ที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัย S: Social ใส่ใจสังคมโดยรวม G: Governance องค์กรและผู้บริหารมีธรรมาภิบาลในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อนำพาทุกองคาพยพไปสู่ความยั่งยืน จำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาลในการปรับปรุงและดำเนินกิจกรรมเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งตลาดทุนโดยเฉพาะตลาดตราสารหนี้จะมีบทบาทมากขึ้น ในการเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญในการช่วยรักษาโลกผ่านเครื่องมือทางการเงินที่เรียกว่าตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน หรือ ESG Bond ESG Bond ประกอบด้วยตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารหนี้เพื่อพัฒนาสังคม (Social Bond) ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) ซึ่งจัดเป็นกลุ่ม Use of Proceeds Bond หรือตราสารหนี้ที่มีการระบุวัตถุประสงค์การใช้เงินกับโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ส่วนตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond: SLB) จะมีการระบุให้ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับตัวชี้วัดหรือเป้าหมายด้านความยั่งยืนโดยรวมของบริษัท และ ตราสารหนี้เปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน (Transition Bond) สำหรับผู้ออกที่ยังจำเป็นต้องปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงแต่ต้องการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างศึกษาการจัดทำคู่มือการออกและเสนอขาย Transition Bond) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นที่ผ่านมา ได้ส่งสัญญาณให้ประเทศต่างๆ ตื่นตัวและร่วมมือกันในระดับสากลเป็น “ความตกลงปารีส (Paris Agreement)” ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change-UNFCCC) เพื่อรับมือกับภาวะโลกร้อนที่ 196 ประเทศทั่วโลกมีเป้าหมายร่วมกันในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2050 ในระดับภูมิภาค เช่น สหภาพยุโรปได้ออกมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน หรือ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเข้ามาสู่ยุโรป ครอบคลุม 6 กลุ่มสินค้า ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า และไฮโดรเจน โดยในช่วงแรก 1 ตุลาคม 2566 – 31 ธันวาคม 2568 ผู้นำเข้าต้องรายงานข้อมูลปริมาณสินค้า ที่นำเข้าและการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต (Embedded Emissions) โดยหลังจากวันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป จะมีการเก็บภาษีคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ องค์กรระหว่างประเทศก็มีความตกลงร่วมกันในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) ได้กำหนดให้สายการบินระหว่างประเทศต้องตรวจสอบและรายงานการปล่อยมลพิษ รวมถึงใช้กลไกการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอุตสาหกรรมการบินโลก (Carbon Offsetting and Reduction Scheme for International Aviation: CORSIA) โดยระยะนำร่องเริ่มมาตั้งแต่ปี 2564 จะเห็นได้ว่ามีแรงกระตุ้นจากหลากหลายทิศทางที่กระตุ้นให้หน่วยงานในแต่ละประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเร่งปรับตัวเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนของข้อตกลงต่างๆ โดยการศึกษาของ OECD ได้ประมาณการว่าต้องใช้เงินลงทุนมากถึง 5-7 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อให้สามารถบรรลุความตกลงปารีสในการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5-2 องศาเซลเซียส ปัจจุบัน แม้ว่าการระดมทุนผ่านการออก ESG Bond ของโลกจะขยายตัวมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 มีมูลค่าการออกทั่วโลกสูงสุดกว่า 1,100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และในครึ่งแรกของปี 2566 มีมูลค่าการออกเท่ากับ 448 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อเทียบกับปริมาณความต้องการเงินลงทุนที่คาดการณ์โดย OECD พบว่ายังต้องมีการระดมเงินทุนอีกจำนวนมาก สำหรับประเทศไทยที่ได้เข้าร่วมความตกลงเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิกาศดังกล่าวข้างต้น ได้ประกาศจุดยืนความร่วมมือในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 27 (COP 27) เมื่อวันที่ 3 - 18 พฤศิจกายน 2565 และจะย้ำความมุ่งมั่นการบรรลุเป้าหมายในการประชุม COP 28 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน - 12 ธันวาคม 2566 นี้ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศไทยจึงมีการตระเตรียม พัฒนาเครื่องมือและจัดทำแนวปฏิบัติ เช่น มาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของไทย (Thailand Taxonomy) แนวทางการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon footprint) เป็นต้น เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามความตกลงได้ ล่าสุด คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทยตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม THAI ESG ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ที่มีการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG ซึ่งน่าจะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนให้เกิดความต้องการลงทุนใน ESG Bond และช่วยส่งเสริมให้ตลาด ESG Bond ของไทยขยายตัวขึ้นได้อีก ส่วนที่สอง: Thailand Framework Development ที่มีการพัฒนามาตรฐานและแนวทางเพื่อสนับสนุน ส่งเสริมและเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการไทยให้พร้อมรับมือกับพลวัตด้านความยั่งยืนของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยได้รับเกียรติจากวิทยากร 5 ท่าน ASEAN+3 ESG Bond Market: คุณชิดชนก อันโนนจารย์ Associate Economics Officer, Asian Development Bank (ADB) กล่าวถึงตลาด ESG Bond ในกลุ่มอาเซียน+3 (อาเซียนรวม จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) มีการเติบโตขึ้น ปัจจุบันคิดเป็นร้อยละ 1.4 ของตลาดตราสารหนี้โลก มีภาคเอกชนเป็นหน่วยงานหลักในการออก ESG Bond ซึ่ง Green bond มีสัดส่วนการออกมากสุดที่ร้อยละ 51.7 มูลค่ากว่า 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย ADB มีส่วนช่วยสนับสนุนและส่งเสริมผู้ออกของไทย และในอนาคตจะให้ความสำคัญกับการดำเนินการด้าน Local verifier, Sustainability disclosures, Transition finance and Sustainability-linked loans แผนพัฒนาประเทศไทย 2022 – 2026 (Thailand Country Planning Framework): คุณสุชาย บูรณะวลาหก Senior Green Investment Officer, Global Green Growth Institute (GGGI) ให้ข้อมูลการดำเนินการของไทยในการบรรลุเป้าหมาย “การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด” (Nationally Determined Contributions : NDCs) และเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจสีเขียว โดยมีแผนพัฒนาของประเทศไทย 2022 - 2026 (Thailand Country Planning Framework : CPF) ที่เน้นดำเนินการ 3 ด้าน ได้แก่ Waste management, Green building และ Green Industry Thailand Taxonomy: ดร.อรศรัณย์ มนุอมร Specialist Consultant, Climate Bonds Initiative (CBI) ได้นำเสนอ แนวทางการนำมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (Thailand Taxonomy) ไปใช้เป็นเครื่องมือสำหรับภาครัฐและภาคธนาคารในการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว (Green finance) โดย Thailand Taxonomy จะมีการกำหนดนิยามและจัดหมวดหมู่กิจกรรมในภาคเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งในระยะที่ 1 ครอบคลุมภาคขนส่งและพลังงานที่เป็นกลุ่มที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมกันเกือบร้อยละ 70 โดยจะจัดกลุ่มกิจกรรมเป็น 3 ระดับ ได้แก่ สีเขียว สีเหลือง และสีแดง (Traffic-Light System) Thailand Taxonomy จะเป็นประโยชน์กับภาคธุรกิจในการวางแผนปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ และส่งเสริมการเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่าน (Transition finance) ไปสู่ธุรกิจสีเขียว ส่วนภาคการเงินสามารถใช้เป็นแนวทางในการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์การปรับตัวของภาคธุรกิจไทย และการประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับสินเชื่อสีเขียว (Green finance) โดยภาครัฐใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว การเงินที่ยั่งยืน และเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มาตรการการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM): คุณกรรณิการ์ ศรีธัญญลักษณา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ บริษัท เดอะ ครีเอจี จำกัด กล่าวถึงมาตรการการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ EU Carbon Border Adjustment Mechanism (EU-CBAM) ว่าเป็นหนึ่งในนโยบายของสหภาพยุโรปเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกลงสุทธิให้ได้อย่างน้อย 55% ภายในปี ค.ศ.2030 โดยช่วงปลี่ยนผ่านระหว่าง 1 ตุลาคม 2566 - 31 ธันวาคม 2568 ผู้นำเข้าสินค้าเป้าหมาย 6 กลุ่ม ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า และไฮโดรเจน จะต้องรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์รวมถึงปริมาณการปล่อยคาร์บอนทั้งทางตรงและทางอ้อม (Embedded Emission) ของสินค้าที่จะนำเข้าทวีปยุโรป และตั้งแต่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป ผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตามเกณฑ์จะต้องจ่าย CBAM certification เพื่อเป็นการชดเชย ทั้งนี้ ผลกระทบต่อประเทศไทยจะค่อนข้างจำกัด เนื่องจากไทยส่งออกสินค้าเป้าหมายไปสหภาพยุโรปไม่มาก อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตและผู้ส่งออกของไทยมีโอกาสเผชิญความท้าทายหากสหภาพยุโรปมีการขยายกลุ่มสินค้าเป้าหมาย หรือประเทศอื่นอาจนำมาตรการในลักษณะเดียวกันนี้มาบังคับใช้ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint): คุณพวงพันธ์ ศรีทอง ผู้จัดการสำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ได้ฉายภาพเป้าหมายของประเทศไทยในการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ภายในปี ค.ศ. 2065 โดยมีมาตรการสําคัญดังนี้ (1) การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้าให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 68 ภายในปี ค.ศ. 2040 และร้อยละ 74 ในปี ค.ศ. 2050 (2) การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้มีสัดส่วนอย่างน้อยร้อยละ 69 ในปี ค.ศ. 2035 (3) การยุติการใช้ถ่านหินภายในปี ค.ศ. 2050 และ (4) การใช้เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน รวมถึงการใช้พลังงานไฮโดรเจนในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม ในส่วนของ Carbon Footprint อบก.ได้เตรียมความพร้อมและสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการในด้านการคำนวณ การรายงาน และทวนสอบค่าปริมาณการปล่อยคาร์บอนทางตรงและทางอ้อม (Embedded Emission) จากผลิตภัณฑ์หรือบริการ (Carbon Footprint) โดยจัดทำคู่มือและเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลไว้อำนวยความสะดวก สำหรับการวัดคาร์บอนฟุตพรินท์ของผลิตภัณฑ์จะอ้างอิงมาตรฐาน ISO 14067 ส่วนการวัดคาร์บอนฟุตพรินท์ขององค์กรหรืออีเว้นท์จะอ้างอิงมาตรฐาน ISO 14064-1 นอกจากนี้ อบก. มีการศึกษาแนวทางการลดค่า Embedded Emissions ของผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ประกอบการส่งออกให้สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรการปรับคาร์บอนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรปได้ ส่วนที่สาม: ประสบการณ์การออกและเสนอขายตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นแนวทางให้แก่ผู้ที่สนใจ จากผู้บริหารองค์กรภาคเอกชนจำนวน 4 ท่าน ได้แก่ คุณมัณทนา เอื้อกิจขจร รองกรรมการผู้จัดการ งานวางแผนธุรกิจ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKP) คุณวสุ กลมเกลี้ยง Executive Vice President ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน รักษาการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) คุณสมเกียรติ สุทธิวานิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) และ คุณณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้ กระบวนการตัดสินใจหรือการเริ่มดำเนินการด้านความยั่งยืน มีแรงผลักดันมาจากทั้งภายในและภายนอกองค์กรที่ทำให้เกิดการเริ่มดำเนินการด้านความยั่งยืนขององค์กร ปัจจัยภายใน เช่น คณะกรรมการ ผู้บริหารขององค์กร รวมไปถึงผู้ถือหุ้น ส่วนปัจจัยภายนอกที่สำคัญมาจากปัญหาและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งนโยบายการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของภาครัฐ องค์กรที่มีนโยบายและวิสัยทัศน์ของผู้นำองค์กร (Tone from the top) ที่ชัดเจน ทำให้ในระดับปฎิบัติการมีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และหากมีการกำหนดฝ่ายงานหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบงานด้านความยั่งยืนโดยเฉพาะ จะทำให้การขับเคลื่อนงานด้านความยั่งยืนมีความคล่องตัวและเกิดประสิทธิภาพ เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน (Steering committee) เพื่อกำหนดนโยบายและประเมินสาระสำคัญของความยั่งยืน (Materiality assessment) ที่เกี่ยวข้องในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมมาภิบาล ถึงแม้การออก ESG Bond อาจไม่ได้ช่วยให้จ่ายคูปองที่ต่ำลง แต่ก็มีปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้ตัดสินใจออก ESG Bond คือ มีความเชื่อว่าในระยะยาว ตลาดตราสารหนี้กลุ่ม ESG จะค่อยๆ ใหญ่ขึ้น และกลุ่ม non – ESG อาจจะเล็กลงได้ การเข้ามาระดมทุนด้วยตราสารหนี้กลุ่ม ESG จึงเป็นการเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ทั้งการจัดทำ Framework ด้าน ESG ก็เป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนองค์กรและการรายงานด้าน ESG ต่อไปอีกด้วย ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาและเตรียมความพร้อมในการระดมทุนด้วย ESG Bond เริ่มจากการหาโครงการที่เกี่ยวข้อง (Eligible project) กับสิ่งแวดล้อมหรือสังคม ซึ่งบางองค์กรอาจไม่ใช่บริษัทสีเขียวแต่ต้น แนะนำให้พิจารณาคัดเลือกจากผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการผลิตที่อาจจะมีความเกี่ยวข้องหรือมีผลกระทบที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า การลดการใช้ถ่านหิน หรือการหันมาใช้พลังงานทางเลือก (Renewable energy) เป็นต้น หากไม่มีโครงการที่เกี่ยวข้อง (Eligible project) ให้มองภาพรวมขององค์กรว่ามีเป้าหมายที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคส่วนงานใดบ้าง เพื่อนำมากำหนดเป็นเป้าหมายด้านยั่งยืนรวมของบริษัท ความท้าทายหรืออุปสรรคในการออก ESG Bond การระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนจะมีการเปิดเผยข้อมูลใน filing เพิ่มเติมจากตราสารหนี้ปกติ ทำให้การออก ESG Bond ครั้งแรกจะต้องเตรียมตัวและเตรียมข้อมูลนานประมาณ 4 - 6 เดือน ดังนั้นบริษัทที่สนใจ สามารถขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือที่ปรึกษาการเงินอิสระเพื่อให้ความรู้ในการพิจารณาคัดเลือกโครงการ (Eligible project) ช่วยจัดทำ framework รวมไปถึงช่วยตั้งเป้าหมายที่ท้าทายสำหรับการกำหนด KPI (Key Performance Indicator) และ SPTs (Sustainability Performance Targets) ในกรณีที่เป็นการออก SLB บางครั้งสภาพตลาดอาจมีผลกระทบในการออกหุ้นกู้ให้ประสบความสำเร็จ เช่นในช่วงที่ผ่านมาที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีผลต่อต้นทุนการระดมทุน สำหรับ “โครงการให้ทุนสนับสนุนและส่งเสริมการออกตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน (ESG Bond Issuance Grant Scheme)” ที่มีวงเงินโครงการรวมทั้งสิ้น 100 ล้านบาท โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง ThaiBMA และ CMDF ที่จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบหรือการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน (ESG Bond) ตามเกณฑ์ที่กำหนด โดย ESG Bond ที่ออกเสนอขายระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 มีมูลค่าการออกตั้งแต่ 100 ล้านบาทต่อรุ่น ไม่จำกัดสกุลเงิน อายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป สามารถขอรับทุนสนับสนุนตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงแต่ไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อประเภทของ ESG Bond ซึ่งจนถึงปัจจุบัน มีผู้ออก ESG bond ได้รับทุนสนับสนุนแล้วจำนวน 4 องค์กร มูลค่าการออกรวม 21,366 ล้านบาท โดยผู้สนใจสามารถติดต่อ ThaiBMA เพื่อขอข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม All Blogs 2024 ตราสารหนี้เพื่อการอนุรักษ์เสือโคร่ง (Tiger ecosystem bond) 30 ปี ThaiBMA เส้นทางการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทย CAT Bond ตราสารหนี้ภัยพิบัติ แนวโน้มหุ้นกู้ครบกำหนดอายุ Highlight ตลาดตราสารหนี้ไทยปี 2023 2023 สาระสำคัญจากงานสัมมนา “Enable ESG Bond Issuance: Global Dynamic & Thailand Framework Development” การถือครองตราสารหนี้ไทยของนักลงทุนต่างชาติ Facts: หุ้นกู้ครบกำหนดในปีหน้า (2024) Par Value คืออะไร พัฒนาการของตลาด ESG Bonds ของไทยเปรียบเทียบกับยุโรป 5 ปีผ่านไป ตลาดหุ้นกู้เปลี่ยนไปขนาดไหน ถ้าผู้ออกหุ้นกู้ถูกฟ้องล้มละลาย ผู้ถือหุ้นกู้ต้องทำอย่างไร ลงทุนในหุ้นกู้ต้องรู้จักอันดับเครดิต Highlight Q2 2023 "ESG bonds ในอาเซียน+3 ข้อดี-ข้อเสีย ของการลงทุนในตราสารหนี้...มีอะไรบ้าง 5 สิ่งควรรู้ก่อนลงทุนตราสารหนี้ การออก ESG Bond ของไทย Transition bond ตราสารหนี้เปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน IC Bond ตราสารหนี้เพื่อนับเป็นเงินกองทุนของบริษัทประกันภัย สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเส้นอัตราผลตอบแทน (Yield curve) Basis Points คืออะไร - ต่างจากเปอร์เซ็นต์อย่างไร? ลงทุนตราสารหนี้ต้องจ่ายภาษีไหม อยากรู้ว่าหุ้นกู้มีการซื้อขายบ้างไหม ราคาซื้อขายเป็นยังไง จะดูได้ที่ไหน 2022 เช็กราคาซื้อขายล่าสุด หรือราคา mark to market ของหุ้นกู้ได้ที่ไหน การซื้อขายหุ้นกู้ในตลาดรอง คำนวณราคายังไง ทำไมหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงถึงให้ผลตอบแทนสูง ต่างจากหุ้นกู้ปกติอย่างไร สัญลักษณ์ตราสารหนี้...อ่านอย่างไรและบอกอะไรบ้าง Breakeven Inflation คืออะไร? และ บอกอะไร? BOND INFO แหล่งรวมข้อมูลตราสารหนี้ไทย ตอน รู้จักหุ้นกู้กับเมนู “Issuer Search” รู้จัก Basel III Bond หุ้นกู้เพื่อนับเป็นเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ Baht bond คืออะไร ต่างจากหุ้นกู้ปกติไหม? ทางเลือกการลงทุนในยุคเงินเฟ้อสูง...พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ (Inflation Linked Bond) ตราสารหนี้ผลตอบแทนติดลบกำลังจะ “สูญพันธุ์” หุ้นกู้ที่เสนอขาย HNW จะขายต่อในตลาดรองให้นักลงทุนบุคคลทั่วไปได้ไหม? Prize Bond ตราสารหนี้ลุ้นรับโชค อัพเดต! นิยามใหม่ “ผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth)” มีผลบังคับใช้ 1 ต.ค. 2565 นี้ รัฐบาลอินเดียเตรียมออกพันธบัตรสีเขียวครั้งแรกเพื่อมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน รัฐบาลแคนาดาร่วมขบวนรักษ์โลก...ออกพันธบัตรสีเขียวครั้งแรก Blue bond...ตราสารหนี้สีฟ้า..รักษ์ทะเล ESG bonds ของไทยใช้เงินหลากหลายและน่าสนใจแค่ไหน? Highlight 2021 "ESG bonds ในอาเซียน+3" 2021 ADB ออก Blue Bond ครั้งแรก...มุ่งสู่สังคมและเศรษฐกิจสีฟ้าอย่างยั่งยืน สรุปภาวะตลาด ESG bond ในอาเซียน+3 Carbon Neutral Bond ตราสารหนี้สีเขียวประเภทใหม่ของจีน แนวโน้มการออก ESG bond ของไทย...กับการก้าวสู่เศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน Perpetual Bond กับลักษณะเฉพาะที่ผู้ออกต้องจ่ายดอกเบี้ยสูง โคลอมเบียออก green bond ขายนักลงทุนในประเทศเป็นครั้งแรก สเปนเตรียมออก Green bond เป็นครั้งแรก Sustainability-Linked Bond รุ่นแรกของไทยมาแล้ว ลงทุนในหุ้นกู้ต้องดูเงื่อนไข Covenant Big Tech พาเหรดออก ESG bond ส่องหุ้นกู้ออกใหม่ครึ่งปีหลัง 2021 FACTS ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนใน ASEAN+3 5 อันดับรัฐวิสาหกิจที่ออกตราสารหนี้สูงสุด (โดยคลังไม่ต้องค้ำ) รัฐบาลแคนาดา เตรียมเสนอขายพันธบัตรสีเขียวเป็นครั้งแรก รู้ไหม ใครถือพันธบัตรรัฐบาลไทยบ้าง ความแตกต่างของ Green, Social และ Sustainability bond รู้จักศัพท์ Bond ที่เกี่ยวกับสัตว์ ยอดการออก ESG bond ในเอเชีย-แปซิฟิก 5 เดือนแรกปีนี้ โตขึ้น 49.5% Amazon.com ไม่ตกขบวนรักษ์โลก ออก Sustainability bond ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนในมาเลเซีย ตราสารหนี้ (อนุ) รักษ์แรด ความเหมือนที่แตกต่างระหว่างอันดับเครดิตของบริษัท และอันดับเครดิตของหุ้นกู้ ปี 2564 อังกฤษนับหนึ่งพันธบัตรสีเขียว เครื่องมือรักษ์โลกล่าสุด...ตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-linked Bond: SLB) 2020 เมื่อสายแฟ (ชั่น) แคร์โลก...Chanel และ Burberry ออก ESG bond หุ้นกู้สีเขียวอนุพันธ์...อีกรูปแบบหนึ่งในการรักษ์โลก Covid-19 Response Bonds: ตราสารหนี้สู้โควิด Bond ETF อีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนตราสารหนี้ มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 9 กับตราสารหนี้ (ตอนที่ 2) Pandemic Bond ภารกิจสู้โรค...กับบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ เชื้อไวรัสโควิดลามจากคนสู่เศรษฐกิจโลก? มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 9 กับตราสารหนี้ (ตอนที่ 1) ตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ยั่งยืนในประเทศไทย Green bond ในอาเซียน เมื่อจีนเป็นหวัด ทั่วโลกเลยต้องรับยา…ทางการเงิน ย้อนรอยพันธบัตรทองคำของไทย Sovereign Gold Bond พันธบัตรทองคำแห่งชาติ Gender bonds ตราสารหนี้เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพผู้หญิง ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ The Bodyguard ของนักลงทุน Prize Bond ตราสารหนี้สำหรับคนชอบเสี่ยงโชค 2019 สรุป 10 เหตุการณ์เด่นในตลาดตราสารหนี้ไทยปี 2562 พันธบัตรรัฐบาล Low risk but high return ในปี 2562 เหลียวหลังแลหน้า เงินลงทุนจากต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ไทย ฉบับปี 2562 บาดาล The Series ตอนที่ 3/3: กำเนิดบาดาล บาดาล The Series ตอนที่ 2/3: ปูมหลัง บาดาล The Series ตอนที่ 1/3: ความสำเร็จก้าวแรก เขาวานให้(หนู)เป็น...สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เตรียมช้อป หุ้นกู้ ได้ทุกเดือนในปี 2563 ผลกระทบตลาดตราสารหนี้หลังการเก็บภาษีกองทุน High yield bond จีน:จากผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดในโลก สู่ผู้นำการออกตราสารหนี้สีเขียว Perpetual bond กับมาตรฐานบัญชีใหม่ 25 ปี ThaiBMA กับการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทย ตราสารหนี้ฉบับแรกของราชอาณาจักรสยามเพื่อก่อสร้างทางรถไฟสายแรกๆของประเทศ 5 ปี ภาคเอกชนระดมทุนผ่านหุ้นกู้กว่าล้านล้าน!! Perpetual bond คึกคักส่งท้ายปี 62 ทวิตเตอร์ “@realDonaldTrump” กระเทือนไปทั้งโลก…การเงิน งานนี้ต้องติดตาม...สถานการณ์ผิดนัดชำระหุ้นกู้ในประเทศจีน เมื่อเงินทุนไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ แต่เงินบาทยังแข็งค่า รู้ยัง! Starbucks ก็ออก Sustainability Bond นะ Dual Currency Bond ตราสารหนี้สองสกุล หุ้นกู้ไม่มีเรทติ้งแต่มีประกัน ปลอดภัยจริงไหม!! Bond Yield ติดลบกินวงกว้างแค่ไหน Bond yield ไทยจะต่ำไปไหน CAT bond: ตราสารหนี้รับมือเหตุภัยพิบัติ เรทติ้ง (Rating) มาจากไหนและบอกอะไรแก่นักลงทุน มาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาทของ ธปท.และผลต่อตลาดตราสารหนี้ไทย จับตา!!! สถานการณ์การผิดนัดชำระหุ้นกู้ประเทศสิงคโปร์ เข้าใจหุ้นกู้ใน 5 นาทีกับ Fact sheet เมื่อดอกเบี้ยสหรัฐฯ เปลี่ยนทิศ แล้วดอกเบี้ยไทยจะอย่างไร? การปรับลดวงเงินประมูลพันธบัตรของธปท.และผลต่อตลาดบอนด์ ครบรอบ 22 ปี วิกฤติต้มยำกุ้ง กับการเติบโตของตลาดตราสารหนี้ไทย โอกาสของผู้ระดมทุนในตลาดหุ้นกู้ไทย Callable bonds ของไทย คุ้มค่าน่าลงทุน? Blue Bond ตราสารหนี้สีฟ้า เพื่อความยั่งยืนของทะเล 2-10 Spread สัญญาณคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจ 1 ปีแห่งการปรับตัวของผู้ออกตั๋ว BE ภาษีกองทุนรวมตราสารหนี้: นักลงทุนจะไปต่อกันทางไหน? Payment-In-Kind Bond เมื่อดอกเบี้ยจ่ายเป็นหมูแฮม ทำไมอยากซื้อ แต่ไม่ได้ซื้อ? Bond Switchingเมื่อถึงเวลาก็ต้อง(แลก)เปลี่ยน STO อีกหนึ่งทางเลือกในการระดมทุนด้วยเทคโนโลยี Blockchain Structured note ผลตอบแทนที่มาพร้อมความผันผวน Composite Bond Index ดัชนีสะท้อนผลตอบแทนการลงทุนในตราสารหนี้ไทย ลูกหนี้รายใหญ่ในตลาดตราสารหนี้ไทย ภาษีการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม ผลกระทบต่อนักลงทุน Bond Yield ของไทยจะติดเชื้อ Inverted Yield Curve จากสหรัฐฯไหม การค้ำประกันจาก CGIF ช่วยผู้ออกลดคูปองดอกเบี้ยให้ต่ำลง ถอดบทเรียนจากญี่ปุ่นแล้วย้อนมองไทยการออมเพื่อเตรียมเกษียณ (ตอนที่ 2) ถอดบทเรียนจากญี่ปุ่นแล้วย้อนมองไทยการออมเพื่อเตรียมเกษียณ (ตอนที่ 1) Puttable Bond ตราสารหนี้ที่ให้สิทธินักลงทุนในการไถ่ถอนก่อนครบกำหนดอายุ Bond Yield สหรัฐฯกับไทย...ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป 10 year challenge ของตลาดตราสารหนี้ Sustainability bond หุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนของสังคมและสิ่งแวดล้อม Social Bond พันธบัตรเพื่อสังคมที่เป็นสุข สรุป 10 เหตุการณ์สำคัญของตลาดตราสารหนี้ไทยในรอบปี 2561 D/E Ratio บอกอะไรบ้าง 2018 เตรียมช้อปหุ้นกู้ออกใหม่ปีหน้า..มีอะไรน่าสนใจ เหลียวหลังแลหน้า เงินลงทุนในตราสารหนี้ไทยของต่างชาติ ฉบับปี 2561 จับตาหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น BAHT Bond ทางเลือกการระดมทุนในอาเซียน จับตาหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ของจีน ตลาดตราสารหนี้ไทยเป็น safe haven จริงหรือ Solar Bond ตราสารหนี้พลังงานแสงอาทิตย์ ผลตอบแทนของ Green bond ต่างจากตราสารหนี้ทั่วไปหรือไม่ ตราสารหนี้สีเขียวกับการเติบโตอย่างยั่งยืน การออกหุ้นกู้ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ Asian Bonds Online มีดีมากกว่า Fund flow ในตลาดตราสารหนี้ Perpetual bond หุ้นกู้ไม่มีอายุ ใครลงทุนในหุ้นกู้บ้าง ซื้อหุ้นกู้แบบมี Call option นักลงทุนจะได้หรือจะเสียอะไร การวัด Expected return ของตราสารหนี้ ฝากเงินไว้กับธนาคาร หรือลงทุนผ่านตราสารหนี้ดีนะ? หุ้นกู้ Securitization ทางเลือกเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการลงทุน ILB ทางเลือกของการลงทุนในภาวะเงินเฟ้อเริ่มขยับขึ้น ซื้อกองทุนตราสารหนี้ แต่ทำไมถึงขาดทุนได้? มารู้จักTransition Matrix โอกาสการผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้ ลงทุนอย่างอุ่นใจ ด้วยหุ้นกู้มีประกัน ถ้าอยากซื้อหุ้นกู้เชิญอ่านทางนี้ วางแผนเกษียณสุขใจไปกับตราสารหนี้ การเปลี่ยนแปลงของตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนจากเกณฑ์ใหม่ กลต. ระหว่างสลากออมสิน กับตราสารหนี้ออมอย่างไรให้เหมาะกับเรา รู้จักกับ AMRO องค์กรความร่วมมือเพื่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของอาเซียน+3 ความจริง 5 ข้อของตลาดตราสารหนี้ที่นักลงทุนควรทราบ สัญลักษณ์ตราสารหนี้บอกอะไรมากกว่าที่คิด Credit rating ไม่สูงก็ออกตราสารหนี้ Coupon ต่ำได้ ด้วยการค้ำประกันจาก CGIF Bond Yield สหรัฐฯ สูงขึ้น ดึง Bond Yield ไทยสูงขึ้น ด้วยไหม? Basel III Bond ตราสารหนี้ที่เพิ่มความมั่นคงให้แก่ธนาคาร ติดตามราคาพันธบัตรรัฐบาล ณ วันปัจจุบันได้จากที่ไหนนะ? ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ สูงหรือต่ำมีความหมายมากกว่าที่คาด แนวโน้มของเทคโนโลยี Blockchain ในตลาดตราสารหนี้ จะสูงหรือต่ำสำคัญอย่างไร Credit spread ผู้ช่วยของ Yield curve ทิศทางของตลาดตราสารหนี้ไทย Yield Curve พระเอกของการลงทุนในตราสารหนี้ Fund flow ในตลาดตราสารหนี้ จับตาการลงทุนของต่างชาติในตลาดบอนด์ Perpetual Bond พิเศษยังไง ทำไมจ่ายดอกเบี้ยสูงจัง ตราสารหนี้บางรุ่นเลื่อนชำระดอกเบี้ยได้นะจ๊ะ มูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้ หาได้จากไหน? 2017 ปลายปีอย่างนี้ เป็นจังหวะดีของการลงทุนในตราสารหนี้ไหมนะ ความเข้าใจผิดที่อันตราย “ตราสารหนี้เสี่ยงกว่าหุ้น” Financial Literacy ของไทย อันดับเครดิตต่ำหรือสูง แล้วยังไง มีเงิน 5,000 บาท ลงทุนหุ้นกู้ได้ไหมนะ? หุ้นกู้แปลงสภาพ เจ้าหนี้ที่กลายร่างเป็นเจ้าของได้ (ตอนที่ 2) สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA)คือใคร ทำอะไรกัน? อะไรคือหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Bond) (ตอนที่ 1) เลือกตราสารหนี้ให้เหมือนเลือกแฟน “สั้น” หรือ “ยาว” อะไรเร้าใจกว่ากัน (ตอนที่ 2) แม้ดอกเบี้ยจะขาขึ้น ก็ไม่หวั่นลงทุนตราสารหนี้ “สั้น” หรือ “ยาว” อะไรเร้าใจกว่ากัน (ตอนที่ 1) Cross Default ในตราสารหนี้ "หุ้นกู้มีประกัน" เครื่องหมายรับประกันเงินต้นหาย? รู้หรือไม่ พันธบัตรไทยฉบับแรกออกมาเมื่อใด เม็ดเงินต่างชาติในตราสารหนี้ทำบาทแข็งจริงหรือ? กองทุน AI ความเสี่ยงหลัก 5 ข้อในการลงทุนตราสารหนี้ หุ้นกู้ High Yield ลงทุนอย่างไรให้ปลอดภัย แฝดคนละฝา Default กับ NPL 5 เหตุผลหลักของการลงทุนในตราสารหนี้ 20 ปี วิกฤตต้มยำกุ้ง พลิกสู่การเติบโตของตลาดตราสารหนี้ไทย จะซื้อหุ้นกู้ ต้องดู Credit Spread ( ตอนที่ 2) Callable คุณลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของ Bond จะซื้อหุ้นกู้ ต้องดู Credit Spread ( ตอนที่ 1) ตราสารหนี้ฉบับแรกเกิดขึ้นเมื่อไร? Yield Curve ตัวช่วยการลงทุนตราสารหนี้ เมื่ออัตราดอกเบี้ยผันเปลี่ยน มูลค่าของตราสารหนี้ก็ผันแปร Coupon&Yield คู่ซี้ที่แตกต่าง หุ้นกู้ vs. หุ้น สนใจลงทุนตราสารหนี้ ต้องทำอย่างไร ลำดับการชำระหนี้คืน อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) Ultra High Net Worth กลุ่มนักลงทุนใหม่ ขาใหญ่ในตลาดตราสารหนี้ไทย ตราสารหนี้สีเขียว (Green Bond) สิทธิแฝงของตราสารหนี้ (Embedded Option) ตราสารหนี้ที่ออกโดยหน่วยงานเอกชน ตราสารหนี้ที่ออกโดยองค์กรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้ที่ออกโดยกระทรวงการคลัง พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ (ILB) ตอนนี้น่าลงทุนไหม? Intro to Bond 2016 พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ....เงินต้นไม่หาย แถมงอกเงยไม่น้อยหน้าเงินเฟ้อ ความอ่อนไหวของเงินทุนจากต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ไทย ทำความรู้จักกับหลักเกณฑ์ Basel III และผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ ตลาดตราสารหนี้ไทยเติบโตรับกระแสเงินทุนไหลเข้าในครึ่งปีแรก 2559 การลงทุนตราสารหนี้ แม้จะปลอดภัย ถ้าไม่เข้าใจ...ก็ขาดทุนได้ การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้...ทางเลือกการลงทุนที่ปลอดภัย (ความผันผวนต่ำ) หุ้นกู้ด้อยสิทธิ รู้จักกับ Perpetual Bond 2015 ตราสารหนี้ระยะยาวภาคเอกชน ตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น (Commercial Paper) Infrastructure Fund vs. Infrastructure Bond เงินทุนต่างชาติไหลกลับสู่ตลาดตราสารหนี้ไทย นิยาม “ตราสารหนี้” แบบเข้าใจง่าย "หุ้น" กับ "หุ้นกู้" แฝดคนละฝา ตราสารหนี้ภาคเอกชนไทยเติบโตอย่างมั่นคง (1) ตราสารหนี้ภาคเอกชนไทยเติบโตอย่างมั่นคง (2) คลังบทความ
Posted by:ThaiBMA Posted on:Dec. 7, 2023 Share this post with สาระสำคัญจากงานสัมมนา “Enable ESG Bond Issuance: Global Dynamic & Thailand Framework Development” เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ร่วมกับกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) จัดงานสัมมนา “Enable ESG Bond Issuance: Global Dynamic & Thailand Framework Development” โดยงานสัมมนาได้รับความสนใจจากผู้แทนจากองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมงาน ณ สถานที่จัดงานและผ่านออนไลน์รวมกว่า 300 ท่าน ซึ่งสาระสำคัญจากงานสัมมนาสามารถสรุปได้ 3 ส่วนด้วยกัน ส่วนที่หนึ่ง: ความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ Global Dynamic ที่มีผลกระทบต่อการดำเนินการด้านความยั่งยืนของประเทศไทย โดย ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ได้กล่าวถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนควรครอบคลุม E: Environment สภาพแวดล้อม ที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัย S: Social ใส่ใจสังคมโดยรวม G: Governance องค์กรและผู้บริหารมีธรรมาภิบาลในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อนำพาทุกองคาพยพไปสู่ความยั่งยืน จำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาลในการปรับปรุงและดำเนินกิจกรรมเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งตลาดทุนโดยเฉพาะตลาดตราสารหนี้จะมีบทบาทมากขึ้น ในการเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญในการช่วยรักษาโลกผ่านเครื่องมือทางการเงินที่เรียกว่าตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน หรือ ESG Bond ESG Bond ประกอบด้วยตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารหนี้เพื่อพัฒนาสังคม (Social Bond) ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) ซึ่งจัดเป็นกลุ่ม Use of Proceeds Bond หรือตราสารหนี้ที่มีการระบุวัตถุประสงค์การใช้เงินกับโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ส่วนตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond: SLB) จะมีการระบุให้ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับตัวชี้วัดหรือเป้าหมายด้านความยั่งยืนโดยรวมของบริษัท และ ตราสารหนี้เปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน (Transition Bond) สำหรับผู้ออกที่ยังจำเป็นต้องปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงแต่ต้องการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างศึกษาการจัดทำคู่มือการออกและเสนอขาย Transition Bond) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นที่ผ่านมา ได้ส่งสัญญาณให้ประเทศต่างๆ ตื่นตัวและร่วมมือกันในระดับสากลเป็น “ความตกลงปารีส (Paris Agreement)” ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change-UNFCCC) เพื่อรับมือกับภาวะโลกร้อนที่ 196 ประเทศทั่วโลกมีเป้าหมายร่วมกันในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2050 ในระดับภูมิภาค เช่น สหภาพยุโรปได้ออกมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน หรือ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเข้ามาสู่ยุโรป ครอบคลุม 6 กลุ่มสินค้า ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า และไฮโดรเจน โดยในช่วงแรก 1 ตุลาคม 2566 – 31 ธันวาคม 2568 ผู้นำเข้าต้องรายงานข้อมูลปริมาณสินค้า ที่นำเข้าและการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต (Embedded Emissions) โดยหลังจากวันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป จะมีการเก็บภาษีคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ องค์กรระหว่างประเทศก็มีความตกลงร่วมกันในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) ได้กำหนดให้สายการบินระหว่างประเทศต้องตรวจสอบและรายงานการปล่อยมลพิษ รวมถึงใช้กลไกการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอุตสาหกรรมการบินโลก (Carbon Offsetting and Reduction Scheme for International Aviation: CORSIA) โดยระยะนำร่องเริ่มมาตั้งแต่ปี 2564 จะเห็นได้ว่ามีแรงกระตุ้นจากหลากหลายทิศทางที่กระตุ้นให้หน่วยงานในแต่ละประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเร่งปรับตัวเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนของข้อตกลงต่างๆ โดยการศึกษาของ OECD ได้ประมาณการว่าต้องใช้เงินลงทุนมากถึง 5-7 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อให้สามารถบรรลุความตกลงปารีสในการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5-2 องศาเซลเซียส ปัจจุบัน แม้ว่าการระดมทุนผ่านการออก ESG Bond ของโลกจะขยายตัวมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 มีมูลค่าการออกทั่วโลกสูงสุดกว่า 1,100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และในครึ่งแรกของปี 2566 มีมูลค่าการออกเท่ากับ 448 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อเทียบกับปริมาณความต้องการเงินลงทุนที่คาดการณ์โดย OECD พบว่ายังต้องมีการระดมเงินทุนอีกจำนวนมาก สำหรับประเทศไทยที่ได้เข้าร่วมความตกลงเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิกาศดังกล่าวข้างต้น ได้ประกาศจุดยืนความร่วมมือในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 27 (COP 27) เมื่อวันที่ 3 - 18 พฤศิจกายน 2565 และจะย้ำความมุ่งมั่นการบรรลุเป้าหมายในการประชุม COP 28 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน - 12 ธันวาคม 2566 นี้ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศไทยจึงมีการตระเตรียม พัฒนาเครื่องมือและจัดทำแนวปฏิบัติ เช่น มาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของไทย (Thailand Taxonomy) แนวทางการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon footprint) เป็นต้น เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามความตกลงได้ ล่าสุด คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทยตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม THAI ESG ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ที่มีการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG ซึ่งน่าจะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนให้เกิดความต้องการลงทุนใน ESG Bond และช่วยส่งเสริมให้ตลาด ESG Bond ของไทยขยายตัวขึ้นได้อีก ส่วนที่สอง: Thailand Framework Development ที่มีการพัฒนามาตรฐานและแนวทางเพื่อสนับสนุน ส่งเสริมและเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการไทยให้พร้อมรับมือกับพลวัตด้านความยั่งยืนของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยได้รับเกียรติจากวิทยากร 5 ท่าน ASEAN+3 ESG Bond Market: คุณชิดชนก อันโนนจารย์ Associate Economics Officer, Asian Development Bank (ADB) กล่าวถึงตลาด ESG Bond ในกลุ่มอาเซียน+3 (อาเซียนรวม จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) มีการเติบโตขึ้น ปัจจุบันคิดเป็นร้อยละ 1.4 ของตลาดตราสารหนี้โลก มีภาคเอกชนเป็นหน่วยงานหลักในการออก ESG Bond ซึ่ง Green bond มีสัดส่วนการออกมากสุดที่ร้อยละ 51.7 มูลค่ากว่า 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย ADB มีส่วนช่วยสนับสนุนและส่งเสริมผู้ออกของไทย และในอนาคตจะให้ความสำคัญกับการดำเนินการด้าน Local verifier, Sustainability disclosures, Transition finance and Sustainability-linked loans แผนพัฒนาประเทศไทย 2022 – 2026 (Thailand Country Planning Framework): คุณสุชาย บูรณะวลาหก Senior Green Investment Officer, Global Green Growth Institute (GGGI) ให้ข้อมูลการดำเนินการของไทยในการบรรลุเป้าหมาย “การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด” (Nationally Determined Contributions : NDCs) และเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจสีเขียว โดยมีแผนพัฒนาของประเทศไทย 2022 - 2026 (Thailand Country Planning Framework : CPF) ที่เน้นดำเนินการ 3 ด้าน ได้แก่ Waste management, Green building และ Green Industry Thailand Taxonomy: ดร.อรศรัณย์ มนุอมร Specialist Consultant, Climate Bonds Initiative (CBI) ได้นำเสนอ แนวทางการนำมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (Thailand Taxonomy) ไปใช้เป็นเครื่องมือสำหรับภาครัฐและภาคธนาคารในการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว (Green finance) โดย Thailand Taxonomy จะมีการกำหนดนิยามและจัดหมวดหมู่กิจกรรมในภาคเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งในระยะที่ 1 ครอบคลุมภาคขนส่งและพลังงานที่เป็นกลุ่มที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมกันเกือบร้อยละ 70 โดยจะจัดกลุ่มกิจกรรมเป็น 3 ระดับ ได้แก่ สีเขียว สีเหลือง และสีแดง (Traffic-Light System) Thailand Taxonomy จะเป็นประโยชน์กับภาคธุรกิจในการวางแผนปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ และส่งเสริมการเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่าน (Transition finance) ไปสู่ธุรกิจสีเขียว ส่วนภาคการเงินสามารถใช้เป็นแนวทางในการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์การปรับตัวของภาคธุรกิจไทย และการประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับสินเชื่อสีเขียว (Green finance) โดยภาครัฐใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว การเงินที่ยั่งยืน และเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มาตรการการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM): คุณกรรณิการ์ ศรีธัญญลักษณา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ บริษัท เดอะ ครีเอจี จำกัด กล่าวถึงมาตรการการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ EU Carbon Border Adjustment Mechanism (EU-CBAM) ว่าเป็นหนึ่งในนโยบายของสหภาพยุโรปเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกลงสุทธิให้ได้อย่างน้อย 55% ภายในปี ค.ศ.2030 โดยช่วงปลี่ยนผ่านระหว่าง 1 ตุลาคม 2566 - 31 ธันวาคม 2568 ผู้นำเข้าสินค้าเป้าหมาย 6 กลุ่ม ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า และไฮโดรเจน จะต้องรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์รวมถึงปริมาณการปล่อยคาร์บอนทั้งทางตรงและทางอ้อม (Embedded Emission) ของสินค้าที่จะนำเข้าทวีปยุโรป และตั้งแต่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป ผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตามเกณฑ์จะต้องจ่าย CBAM certification เพื่อเป็นการชดเชย ทั้งนี้ ผลกระทบต่อประเทศไทยจะค่อนข้างจำกัด เนื่องจากไทยส่งออกสินค้าเป้าหมายไปสหภาพยุโรปไม่มาก อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตและผู้ส่งออกของไทยมีโอกาสเผชิญความท้าทายหากสหภาพยุโรปมีการขยายกลุ่มสินค้าเป้าหมาย หรือประเทศอื่นอาจนำมาตรการในลักษณะเดียวกันนี้มาบังคับใช้ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint): คุณพวงพันธ์ ศรีทอง ผู้จัดการสำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ได้ฉายภาพเป้าหมายของประเทศไทยในการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ภายในปี ค.ศ. 2065 โดยมีมาตรการสําคัญดังนี้ (1) การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้าให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 68 ภายในปี ค.ศ. 2040 และร้อยละ 74 ในปี ค.ศ. 2050 (2) การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้มีสัดส่วนอย่างน้อยร้อยละ 69 ในปี ค.ศ. 2035 (3) การยุติการใช้ถ่านหินภายในปี ค.ศ. 2050 และ (4) การใช้เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน รวมถึงการใช้พลังงานไฮโดรเจนในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม ในส่วนของ Carbon Footprint อบก.ได้เตรียมความพร้อมและสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการในด้านการคำนวณ การรายงาน และทวนสอบค่าปริมาณการปล่อยคาร์บอนทางตรงและทางอ้อม (Embedded Emission) จากผลิตภัณฑ์หรือบริการ (Carbon Footprint) โดยจัดทำคู่มือและเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลไว้อำนวยความสะดวก สำหรับการวัดคาร์บอนฟุตพรินท์ของผลิตภัณฑ์จะอ้างอิงมาตรฐาน ISO 14067 ส่วนการวัดคาร์บอนฟุตพรินท์ขององค์กรหรืออีเว้นท์จะอ้างอิงมาตรฐาน ISO 14064-1 นอกจากนี้ อบก. มีการศึกษาแนวทางการลดค่า Embedded Emissions ของผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ประกอบการส่งออกให้สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรการปรับคาร์บอนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรปได้ ส่วนที่สาม: ประสบการณ์การออกและเสนอขายตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นแนวทางให้แก่ผู้ที่สนใจ จากผู้บริหารองค์กรภาคเอกชนจำนวน 4 ท่าน ได้แก่ คุณมัณทนา เอื้อกิจขจร รองกรรมการผู้จัดการ งานวางแผนธุรกิจ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKP) คุณวสุ กลมเกลี้ยง Executive Vice President ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน รักษาการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) คุณสมเกียรติ สุทธิวานิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) และ คุณณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้ กระบวนการตัดสินใจหรือการเริ่มดำเนินการด้านความยั่งยืน มีแรงผลักดันมาจากทั้งภายในและภายนอกองค์กรที่ทำให้เกิดการเริ่มดำเนินการด้านความยั่งยืนขององค์กร ปัจจัยภายใน เช่น คณะกรรมการ ผู้บริหารขององค์กร รวมไปถึงผู้ถือหุ้น ส่วนปัจจัยภายนอกที่สำคัญมาจากปัญหาและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งนโยบายการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของภาครัฐ องค์กรที่มีนโยบายและวิสัยทัศน์ของผู้นำองค์กร (Tone from the top) ที่ชัดเจน ทำให้ในระดับปฎิบัติการมีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และหากมีการกำหนดฝ่ายงานหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบงานด้านความยั่งยืนโดยเฉพาะ จะทำให้การขับเคลื่อนงานด้านความยั่งยืนมีความคล่องตัวและเกิดประสิทธิภาพ เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน (Steering committee) เพื่อกำหนดนโยบายและประเมินสาระสำคัญของความยั่งยืน (Materiality assessment) ที่เกี่ยวข้องในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมมาภิบาล ถึงแม้การออก ESG Bond อาจไม่ได้ช่วยให้จ่ายคูปองที่ต่ำลง แต่ก็มีปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้ตัดสินใจออก ESG Bond คือ มีความเชื่อว่าในระยะยาว ตลาดตราสารหนี้กลุ่ม ESG จะค่อยๆ ใหญ่ขึ้น และกลุ่ม non – ESG อาจจะเล็กลงได้ การเข้ามาระดมทุนด้วยตราสารหนี้กลุ่ม ESG จึงเป็นการเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ทั้งการจัดทำ Framework ด้าน ESG ก็เป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนองค์กรและการรายงานด้าน ESG ต่อไปอีกด้วย ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาและเตรียมความพร้อมในการระดมทุนด้วย ESG Bond เริ่มจากการหาโครงการที่เกี่ยวข้อง (Eligible project) กับสิ่งแวดล้อมหรือสังคม ซึ่งบางองค์กรอาจไม่ใช่บริษัทสีเขียวแต่ต้น แนะนำให้พิจารณาคัดเลือกจากผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการผลิตที่อาจจะมีความเกี่ยวข้องหรือมีผลกระทบที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า การลดการใช้ถ่านหิน หรือการหันมาใช้พลังงานทางเลือก (Renewable energy) เป็นต้น หากไม่มีโครงการที่เกี่ยวข้อง (Eligible project) ให้มองภาพรวมขององค์กรว่ามีเป้าหมายที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคส่วนงานใดบ้าง เพื่อนำมากำหนดเป็นเป้าหมายด้านยั่งยืนรวมของบริษัท ความท้าทายหรืออุปสรรคในการออก ESG Bond การระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนจะมีการเปิดเผยข้อมูลใน filing เพิ่มเติมจากตราสารหนี้ปกติ ทำให้การออก ESG Bond ครั้งแรกจะต้องเตรียมตัวและเตรียมข้อมูลนานประมาณ 4 - 6 เดือน ดังนั้นบริษัทที่สนใจ สามารถขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือที่ปรึกษาการเงินอิสระเพื่อให้ความรู้ในการพิจารณาคัดเลือกโครงการ (Eligible project) ช่วยจัดทำ framework รวมไปถึงช่วยตั้งเป้าหมายที่ท้าทายสำหรับการกำหนด KPI (Key Performance Indicator) และ SPTs (Sustainability Performance Targets) ในกรณีที่เป็นการออก SLB บางครั้งสภาพตลาดอาจมีผลกระทบในการออกหุ้นกู้ให้ประสบความสำเร็จ เช่นในช่วงที่ผ่านมาที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีผลต่อต้นทุนการระดมทุน สำหรับ “โครงการให้ทุนสนับสนุนและส่งเสริมการออกตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน (ESG Bond Issuance Grant Scheme)” ที่มีวงเงินโครงการรวมทั้งสิ้น 100 ล้านบาท โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง ThaiBMA และ CMDF ที่จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบหรือการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน (ESG Bond) ตามเกณฑ์ที่กำหนด โดย ESG Bond ที่ออกเสนอขายระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 มีมูลค่าการออกตั้งแต่ 100 ล้านบาทต่อรุ่น ไม่จำกัดสกุลเงิน อายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป สามารถขอรับทุนสนับสนุนตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงแต่ไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อประเภทของ ESG Bond ซึ่งจนถึงปัจจุบัน มีผู้ออก ESG bond ได้รับทุนสนับสนุนแล้วจำนวน 4 องค์กร มูลค่าการออกรวม 21,366 ล้านบาท โดยผู้สนใจสามารถติดต่อ ThaiBMA เพื่อขอข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม