ในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 การออกหุ้นกู้ในตลาดแรกมีแนวโน้มสดใสโดยมีปริมาณการออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกเดือน โดยครึ่งแรกของปีนี้มีหุ้นกู้ออกใหม่แล้วกว่า 5 แสนล้านบาท หุ้นกู้อายุ 5 ปีที่มีเรทติ้ง A จ่ายดอกเบี้ยโดยเฉลี่ยราว 2.7 %- 2.9% และ เรทติ้ง BBB+ จ่ายดอกเบี้ยโดยเฉลี่ยราว 4.2 %- 4.5% ถือว่าเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจทีเดียวในยุคดอกเบี้ยต่ำ

ครึ่งปีหลังจะมีบริษัทไหนออกหุ้นกู้กันบ้าง ต้องเริ่มจากการจับตามองบริษัทที่จะมีหุ้นกู้ครบกำหนดอายุในช่วงที่เหลือของปี เพราะปกติจะมีการออกหุ้นกู้รุ่นใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด (Roll-over) บริษัทที่จะมีหุ้นกู้ครบกำหนดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีถึง 120 บริษัท มูลค่าครบกำหนดรวมกว่า 3.73 แสนล้านบาท โดยครึ่งหนึ่งมาจากผู้ออกรายใหญ่ 12 ลำดับแรก ซึ่งจะมีหุ้นกู้ครบกำหนดรวมกว่า 1.88 แสนล้านบาท แต่ละรายมีวงเงินหุ้นกู้ตั้งแต่ 7,500 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้คาดว่านักลงทุนทั่วไปน่าจะมีโอกาสได้จับจองกันบ้าง ได้แก่ 1. บ.ทรูมูฟเอชยูนิเวอร์แซล (TUC) 2. บมจ. ปูนซีเมนต์ไทย (SCC) 3. บมจ.ธ. กรุงศรีอยุธยา (BAY) 4. บมจ.พีทีทีโกลบอล (PTTGC) 5. บ. โตโยต้าลีสซิ่ง (ไทยแลนด์) (TLT) 6. บมจ. ปตท. (PTTC) 7. บมจ. ทรูคอร์ปอเรชั่น (TRUE) 8. บมจ. เบอร์ลี่ยุคเกอร์ (BJC) 9. บมจ. เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) 10. บมจ. ซีพีเอฟ (CPF) 11. บมจ.แสนสิริ (SIRI) และ 12. บมจ.ซีพีออลล์ (CPALL)

หุ้นกู้ที่มีมูลค่าครบกำหนดสูงสุด 12 ลำดับแรกในเดือน ก.ค. ถึง ธ.ค. 2021 (หน่วย:ล้านบาท)

สำหรับผู้ออกที่มีหุ้นกู้ครบกำหนดวงเงินตั้งแต่ 3,000 ล้านบาทขึ้นไปก็มีอีกไม่ต่ำกว่า 20 บริษัท อาทิ บ. ไอซีบีซีไทยลีสซิ่ง (ICBCTL) บ. บัตรกรุงศรี (KCC) บ. น้ำตาลมิตรผล (MPSC) บมจ. โกลว์พลังงาน (GLOW) บ. เนชั่นแนลพาวเวอร์ซัพพลาย (NPS) บมจ. แลนด์แอนด์เฮาส์ (LH) บมจ. บัตรกรุงไทย (KTC) บมจ. ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป (TU) บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) บมจ. อนันดา (ANANDA) บ. ทีพีไอโพลีนพาวเวอร์ (TPIPP) บมจ.ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ธนาคารซีไอเอ็มบี (CIMBT) บมจ. ทีพีไอโพลีน (TPIPL) บมจ.อินโดรามาเวนเจอร์ (IVL) บมจ.โกลบอลเพาเวอร์ซินเนอร์ยี่ (GPSC) บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) บ. โกลเด้นแลนด์พรอพเพอตี้ฯ (GOLD) บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เป็นต้น

หุ้นกู้ที่มีมูลค่าครบกำหนด 3,000 - 10,000 ล้านบาท ในเดือน ก.ค. ถึง ธ.ค. 2021 (หน่วย:ล้านบาท)

ข้อมูลข้างต้นนี้ยังไม่รวมหุ้นกู้ที่อาจมีการออกใหม่เพิ่มเติมเพื่อขยายธุรกิจ โดยไม่ได้ทดแทนเฉพาะมูลค่าที่ครบกำหนด ซึ่งมีจำนวนหลายบริษัทที่ได้ทยอยประกาศเสนอขายแล้ว นอกจากนี้ยังมีผู้ออกหุ้นกู้ในระดับน่าลงทุนอีกจำนวนหนึ่งซึ่งมีหุ้นกู้ครบกำหนดในมูลค่าไม่เกิน 3,000 ล้านบาท รวมถึงบริษัทขนาดกลางหรือเล็กบางรายที่มีหุ้นกู้ครบกำหนดไม่มากนักและไม่มีอันดับเรทติ้ง ดังนั้น ครึ่งปีหลังนี้จึงถือเป็นโอกาสของนักลงทุนที่สามารถพิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นกู้ได้อย่างหลากหลายตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้