Individual Investors

  • Posted by:

    ThaiBMA
  • Posted on:

    Aug 02 2016
การลงทุนตราสารหนี้ แม้จะปลอดภัย ถ้าไม่เข้าใจ...ก็ขาดทุนได้

เมื่อพูดถึงการลงทุนในตราสารหนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงกระแสการจ่ายดอกเบี้ยที่สม่ำเสมอ เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนไม่สูงนักแต่ปลอดภัยไม่ขาดทุน ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องแต่ไม่ทั้งหมด วันนี้เรามาทำความเข้าใจผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้กันดีกว่าคะ

ไม่ว่าหุ้นกู้ภาคเอกชน หรือพันธบัตรรัฐบาล จะให้ผลตอบแทน 2 ส่วนคือ ดอกเบี้ยรับตามที่กำหนดไว้ (Coupon) และกำไรจากส่วนต่างราคาซื้อขายหากขายได้ที่ราคาสูงกว่าราคาซื้อ แต่ถ้าขายได้ต่ำกว่าราคาซื้อก็จะขาดทุนในส่วนนี้ แล้วทำไมราคาขายจึงต่ำกว่าราคาซื้อ ก็เนื่องจากตามทฤษฎีกำหนดว่าราคาตราสารหนี้จะแปรผกผันกับอัตราผลตอบแทนเมื่อถือจนครบกำหนดไถ่ถอน หรือเรียกกันว่า Yield ถ้าyield ลงราคาจะขึ้น ถ้า yield ขึ้นราคาจะลง แล้ว yield ทำไมจึงขึ้นหรือลง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ มากมาย เช่น อัตราดอกเบี้ยนโยบาย การคาดการเงินเฟ้อในอนาคต การคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจหรือปริมาณความต้องการซื้อและขายตราสารหนี้ในตลาด

ถ้านักลงทุนถือตราสารหนี้ไว้จนครบกำหนดไถ่ถอน จะสามารถได้เงินคืนตามมูลค่าหน้าตั๋วที่กำหนดไว้ (ส่วนใหญ่จะที่ 1,000 บาท) อย่างนี้ก็จะไม่ขาดทุน (ถ้านักลงทุนซื้อมาในราคาต่ำกว่าหรือเท่ากับหน้าตั๋ว) ดังนั้นถ้านักลงทุนขายก่อนที่ตราสารหนี้จะครบกำหนดอายุไถ่ถอนก็มีโอกาสขาดทุนได้จากราคาซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ถ้าไม่อยากขาดทุนก็ต้องถือจนครบอายุไถ่ถอน ผลตอบแทนที่ได้ จะมาจากในส่วนของดอกเบี้ยจ่ายตามที่กำหนดไว้เท่านั้น

ในกรณีของการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เริ่มเป็นที่นิยมในการลงทุนมากขึ้น ตามกฎของ กลต. จะกำหนดให้กองทุนรวมต้องคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยใช้ราคาตลาด (Mark to market: MTM) ทุกสิ้นวันทำการซึ่งเป็นการประเมินมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนให้เป็นมูลค่าตามราคาปัจจุบัน เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับนักลงทุนที่จะเข้าและออกกอง จะได้สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ในราคาที่สะท้อนมูลค่าของกองทุน โดยกองทุนรวมตราสารหนี้จะใช้ราคาตราสารหนี้ของ ThaiBMA (สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย) ในการคิดมูลค่าของตราสารทุกตัวที่อยู่ในกองทุน ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ราคาตราสารหนี้จะแปรผันสวนทางกับ yield ถ้า yield ลง ราคาจะขึ้นทำให้ราคา MTM ปรับขึ้น มูลค่าหน่วยลงทุนจะสูงขึ้น ผู้ลงทุนก็จะมีกำไร แต่ถ้า yield ขึ้น ราคาจะลงมูลค่าหน่วยลงทุนจะต่ำลง ผู้ลงทุนก็จะขาดทุน โดยในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา yield มีการปรับลงอย่างต่อเนื่อง มูลค่าหน่วยลงทุนจึงปรับสูงขึ้นทำให้ผู้ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ได้รับกำไรอย่างมาก

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา yield ที่ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา สักวันก็ย่อมปรับขึ้น เมื่อ yield ขึ้น ราคาจะลง มูลค่าหน่วยลงทุนก็จะต่ำลง ส่งผลให้นักลงทุนขาดทุนได้ ดังเช่นในอดีตที่ผ่านมาราวต้นปี 2551 ที่ yield ปรับขึ้นอย่างมาก (ปรับขึ้นประมาณ 1.8% ภายใน 3 เดือน สาเหตุหลักครั้งนี้มาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก)

นักลงทุนในกองทุนตราสารหนี้จึงขาดทุนกันอย่างมากเช่นกัน อ้าว แล้วที่บอกว่าถ้าไม่อยากขาดทุนก็ให้ถือจนครบกำหนดอายุไถ่ถอน ใช่แล้ว แต่การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ จะไม่มีอายุไถ่ถอนหน่วยลงทุน (ถ้าไม่ใช่กองทุนที่มีอายุครบกำหนดหรือที่เรียกว่า Term fund) แล้วจะถือไปถึงเมื่อไหร่ ทำยังไงล่ะจะไม่ให้ขาดทุนจากการลงทุนในตราสารหนี้ ติดตามได้ตอนต่อไปคะ

ตอนนี้รู้แล้วนะคะว่าการลงทุนในตราสารหนี้ ไม่ว่าจะซื้อลงทุนเอง หรือลงทุนผ่านกองทุนรวมตราสารหนี้ ก็อาจจะขาดทุนได้ แต่ถ้าเทียบกับการลงทุนในตราสารทุนหรือหุ้น การลงทุนในตราสารหนี้ก็ถือว่าปลอดภัยกว่า ความผันผวนหรือความเสี่ยงในการขาดทุนจากราคาถือว่าต่ำกว่า ไม่นับความเสี่ยงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ (Default) ที่เป็นความเสี่ยงพื้นฐานของการลงทุนในตราสารหนี้

All Blogs