Individual Investors

  • Posted by:

    ThaiBMA
  • Posted on:

    Mar. 21, 2018
อันดับเครดิตสูงหรือต่ำสำคัญยังไง?

จากบทความก่อนนี้ที่ Bond&Ben บอกว่า Government bond yield curve และ Credit spreadเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับนักลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุนในตราสารหนี้ โดยหุ้นกู้จะให้ผลตอบแทน (Yield) หรือ ส่วนชดเชยความเสี่ยง (Credit spread) มากหรือน้อยก็ขึ้นกับอันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้นั้น วันนี้Bond&Ben จะมาอธิบายว่าทำไม

อย่างที่ทราบแล้วว่า Credit spread เป็นส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนในหุ้นกู้จะได้รับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่อายุเท่ากันเพื่อชดเชยความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงขึ้นโดยความเสี่ยงด้านเครดิตก็คือความเสี่ยงที่ผู้ออกอาจไม่สามารถชำระหนี้คืนได้เมื่อครบกำหนด ข้อมูลที่ช่วยบอกถึงระดับความเสี่ยงด้านเครดิตของหุ้นกู้ ก็คือ อันดับเครดิต หรือ Credit rating นั่นเอง ซึ่งบริษัทจัดอันดับเครดิตจะวิเคราะห์จากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ การวิเคราะห์อุตสาหกรรม ลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัท และที่สำคัญคือ ฐานะและสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท อันดับเครดิตจะเป็นตัวช่วยนักลงทุนในการประเมินว่าบริษัทไหนมีความสามารถในการชำระหนี้คืนแค่ไหน หรือมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้เพียงใด

อันดับเครดิต (Credit rating) จะมีการกำหนดไว้เป็นระดับชั้นตั้งแต่สูงสุด (AAA) จนถึงต่ำสุด (D) ตามแผนภาพ ยิ่งอันดับเครดิตสูงโอกาสการผิดนัดชำระก็ยิ่งต่ำ Credit spread ก็จะลดลงด้วยโดย ThaiBMA ได้จัดทำตารางค่า Credit spread อ้างอิงของหุ้นกู้ที่มีอันดับเครดิตต่างๆในแต่ละช่วงอายุ เพื่อให้นักลงทุนใช้ในการคำนวณอัตราผลตอบแทนอ้างอิงสำหรับการพิจารณาเลือกลงทุนในตราสารหนี้ ถึงตรงนี้ นักลงทุนคงเข้าใจแล้วว่าหากทราบอันดับเครดิต ก็จะสามารถประมาณค่า Credit spread และอัตราผลตอบแทนอ้างอิงของหุ้นกู้นั้นได้


All Blogs