• Posted by:

    ThaiBMA
  • Posted on:

    Aug. 16, 2018
ซื้อกองทุนตราสารหนี้ แต่ทำไมถึงขาดทุนได้?

ถ้าพูดถึงกองทุนตราสารหนี้ นักลงทุนหลายท่านคงจะคิดว่ามูลค่าหน่วยลงทุนควรจะมีแต่เพิ่มขึ้นทุกวันตามดอกเบี้ยที่จะได้รับอย่างสม่ำเสมอจากตราสารหนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเราก็อาจเห็นมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนตราสารหนี้มีมูลค่าผันผวนหรือลดลงได้เรามาดูกันว่าเกิดจากอะไร

มูลค่ากองทุนตราสารหนี้ (Net Asset Value: NAV) คำนวณจากราคาตราสารหนี้ (Clean price)แต่ละรุ่นที่อยู่ในกองทุนนั้น ซึ่งราคาตราสารหนี้จะปรับเพิ่มขึ้น/ลดลงตามอัตราผลตอบแทนตลาด (Market yield)โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจะทำการคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิให้สะท้อนราคาตลาดที่เป็นธรรม(Mark to Market)รวมกับดอกเบี้ยค้างรับ(Accrued Interest)ซึ่งมีการคำนวณในทุกๆวันในกรณีที่ Market yieldไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก มูลค่าหน่วยลงทุนควรเพิ่มขึ้นในทุกๆ วันจากดอกเบี้ยค้างรับสะสมแต่ในกรณีที่ Market yield ปรับสูงขึ้นมากจะส่งผลให้ราคาตราสารหนี้ปรับลดลง และทำให้กองทุนตราสารหนี้มีมูลค่า (NAV) ลดลงและผู้ถือหน่วยลงทุนอาจขาดทุนได้

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มูลค่ากองทุนตราสารหนี้ปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงไม่เท่ากันก็คือ Duration (อายุเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักด้วยกระแสเงินสด) ของตราสารหนี้ที่กองทุนไปลงทุนซึ่งDurationเป็นเครื่องมือที่ใช้วัดขนาดการเปลี่ยนแปลงของราคาตราสารหนี้เมื่อMarket Yield เปลี่ยนแปลงไปโดยDurationยิ่งสูงก็จะยิ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของตราสารหนี้ในกองทุนมากเช่นกัน เช่น กองทุนที่มีตราสารหนี้Duration 5 ปี เมื่อMarket yieldเพิ่มขึ้น 1%มูลค่าตราสารหนี้จะลดลง 5% (Capital loss) ซึ่งจะส่งผลให้ NAV ของกองทุนลดลง ในทางกลับกันกองทุนที่มีตราสารหนี้ Duration 3 ปีเมื่อ Market yieldลดลง 1%ตราสารหนี้ในกองทุนจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 3% (Capital Gain) และส่งผลให้ NAV ของกองทุนเพิ่มขึ้น เป็นต้น (ความสัมพันธ์แบบผกผันระหว่าง Market yield กับราคาตราสารหนี้ รวมถึง Duration ส่งผลอย่างไรกับราคาตราสารหนี้ สามารถติดตามอ่านได้จากบทความ “เมื่ออัตราดอกเบี้ยผันเปลี่ยน มูลค่าของตราสารหนี้ก็ผันแปร”)

ในช่วงที่ Market yieldปรับเพิ่มขึ้นและPortfolio durationของกองทุนตราสารหนี้นั้นสูง ผู้ถือหน่วยลงทุนก็อาจจะพบว่ามูลค่าหน่วยลงทุนของตนเองนั้นลดต่ำลง ดังนั้นในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น นักลงทุนควรเลือกถือกองทุนที่มี Duration สั้น เพราะจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าเมื่อMarket yield ปรับเพิ่มขึ้นและในทางตรงข้าม หากอยู่ในสภาวะดอกเบี้ยขาลงก็ควรถือกองทุนที่มีDuration ยาว เนื่องจากเมื่อMarket yieldปรับลดลงนักลงทุนก็จะได้รับCapital gain จากราคาของตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง

All Blogs