ESG Bonds หรือตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนได้รับความนิยมและมีการออกอย่างต่อเนื่องทั่วโลก มูลค่าการออก ESG bond สะสมตั้งแต่อดีตถึง ณ สิ้นปี 2021 เท่ากับ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในปี 2021 เพียงปีเดียวมีการออกถึงกว่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 46% จากปีก่อนหน้า ESG bonds ส่วนใหญ่ออกโดยองค์กรในทวีปยุโรป คิดเป็นสัดส่วนถึง 50% ของการออก Green Bond ทั่วโลก 46% ของ Social Bond และ 23% ของ Sustainability Bond

สำหรับในปี 2022 มูลค่าการออก ESG bonds ของยุโรป เท่ากับ 411 พันล้านยูโร คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 21% ต่อมูลค่าการออกตราสารหนี้ทั้งหมดในยุโรป โดย ESG bonds ของยุโรปกว่า 60% เป็น Green bond 20% เป็น Social bond และเป็น Sustainability bond และ Sustainability-linked Bond (SLB) ที่รวมถึง Transition Bond อีกอย่างละ 10% ตามลำดับ โดยประเทศในยุโรปที่ออก ESG bonds มากที่สุดคือฝรั่งเศส รองลงมาคือเยอรมัน

ผู้ออก Green bond ในยุโรปส่วนใหญ่จะเป็นภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตกลุ่ม Investment grade ส่วน Social bond และ Sustainability bond ส่วนใหญ่จะออกโดยองค์กรที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ เช่น สำนักงานประกันสังคมของฝรั่งเศส (CADES) ธนาคารรัฐของเนเธอร์แลนด์ (BNG) และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ของฝรั่งเศส (ALS) เป็นต้น

สำหรับการออก ESG bonds ของไทย มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2020 และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามมูลค่าการออก ESG bonds ของไทยในปี 2022 เท่ากับ 219,494 ล้านบาท คิดเป็นเพียง 2.5% ของมูลค่าการออกตราสารหนี้ไทยทั้งหมดในปี 2022 โดย ESG bonds ส่วนใหญ่ของไทยกว่า 65% ออกในรูปของ Sustainability bond ที่มีภาครัฐเป็นผู้ออกหลัก ในขณะที่ ESG bonds ของยุโรปส่วนใหญ่จะเป็น Green bond ที่ออกโดยภาคเอกชน อีกประเด็นที่แตกต่างกัน คือ ESG Bonds ในยุโรปส่วนใหญ่มีอายุค่อนข้างยาวคือมากกว่า 10 ปี ส่วนไทยมีค่ากลางของอายุตราสารประมาณ 5 ปี

จะเห็นได้ว่า ตลาด ESG Bonds ทั้งของยุโรปและไทยขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงปี 2019-2022 แม้ว่าตลาด ESG Bonds ของไทยยังมีขนาดเล็กกว่ามาก แต่ก็เชื่อว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความต้องการเงินลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อนำมาฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมไปถึงความต้องการลงทุนในหลักทรัพย์สีเขียวของนักลงทุนที่หันมาใส่ใจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม